Category ข่าววันนี้

BMW i7

ส่องสเปก BMW i7 รถไฟฟ้าสุดหรูสำหรับผู้นำ APEC ราคาคันละ 7.599 ล้านบาท

“BMW i7” รถยนต์ไฟฟ้าระดับหรูจากเยอรมนี ได้รับเลือกให้เป็นยานพาหนะรองรับการเดินทางของผู้เข้าร่วมประชุมเอเปค 2565 (APEC: Asia-Pacific Economic Cooperation)

ซึ่งแม้ว่ารถยนต์รุ่นนี้จะถูกเปิดตัวในประเทศไทยพร้อมกันถึง 3 รุ่นย่อย แต่รุ่นที่จะนำมาใช้ในงานคราวนี้เป็น “i7 xDrive60 M Sport (First Edition)” ราคาจำหน่ายคันละ 7,599,000 บาท จะมีความพิเศษอย่างไรบ้างไปดูกันเลย

BMW i7 xDrive60 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรูที่พัฒนาขึ้นบนรากฐานเดียวกับ BMW 7 Series เจเนอเรชันล่าสุดที่มีรหัสตัวถัง G70 โดยในเวอร์ชันของ i7

จะใช้รหัสตัวถัง G70 BEV ซึ่งเมืองไทยมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมก่อนหน้าที่ผ่านมา มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย คือ i7 xDrive60 M Sport (First Edition), i7 xDrive60 M Sport รวมทั้ง i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso

 

รถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้าระดับหรู

 

สำหรับ BMW i7 xDrive60 M Sport (First Edition)

ที่จะถูกใช้เป็นรถยนต์รับรองประธานในที่ประชุม APEC ปีนี้ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน 100% โดยไม่มีการใช้น้ำมันเลยแม้แต่หน่อยเดียว ตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสุงสุดถึง 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 745 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า BMW xDrive Electric เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.7 วินาที รวมทั้งทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังสูงที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดขณะนี้

ขณะที่ชุดแบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium-ion ความจุ 105.7 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางสูงสุด 625 กิโลตามมาตรฐานการทดสอบ

WLTP รองรับการชาร์จแบตแบบ AC ผ่าน BMW Wallbox ด้วยกำลังไฟสูงสุด 11 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ในเวลา 10 ชั่วโมง 30 นาที รวมทั้งรองรับการชาร์จด่วนแบบ DC สูงสุด 195 kWh โดยใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 80% ในเวลา 38 นาที

ออกแบบภายนอกของ BMW i7 โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ BMW Crystal Headlights Iconic Glow ออกแบบแบบสองชั้น พร้อมกระจังหน้า BMW Kidney Iconic Glow ตกแต่งภายนอกด้วยชุดแต่ง M Sport รวมทั้งล้ออัลลอย M ขนาด 21 นิ้ว พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีน้ำเงินอยู่ด้านใน

ทั้งยังมีหลังคากระจกแบบ Panorama เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ที่สามารถเรืองแสงเพื่อสร้างบรรยากาศด้านในห้องโดยสาร เสริมความนิ่มนวลทุกเส้นทางด้วยช่วงล่างแบบถุงลม Adaptive 2-axle ช่วยลดแรงสะเทือนเข้ามายังห้องโดยสารได้ดีมากว่าช่วงล่างทั่ว ๆ ไป

ด้านในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งแบบมัลติฟังก์ชันพร้อมฟังก์ชันนวดผ่อนคลายทั้งตอนหน้ารวมทั้งตอนหลัง ทุกที่นั่งถูกติดตั้งระบบอุ่นรวมทั้งระบายอากาศสำหรับเบาะที่นั่ง รวมทั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 4 โซน เสริมบรรยากาศด้วยหลังคากระจกพาโนรามาแบบ Sky Lounge ที่มีเส้นแสง LED อัจฉริยะ

ที่สามารถเปลี่ยนได้ทุกเส้น มาพร้อมหน้าจอแสดงผล BMW Curved Display พร้อมแถบ BMW Interaction Bar ทำงานคู่กับระบบปฏิบัติการ BMW iDrive รุ่นล่าสุด รวมถึงระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ BMW IconicSounds Electric ที่ปรับปรุงร่วมกับ Hans Zimmer

 

รถยนต์ไฟฟ้าจากเยอรมนี

ความโดดเด่นอีกหนึ่งอย่างของ BMW i7 เป็นหน้าจอ BMW Theatre Screen ขนาด 31.3 นิ้ว

สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง แสดงผลในอัตราส่วน 32:9 รวมทั้งให้ความคมชัดระดับ 8K ทอดยาวมาจากเพดานหลังคา เปลี่ยนห้องโดยสารตอนหลังให้เปลี่ยนเป็นโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ โดยผู้โดยสารตอนหลังสามารถปรับให้เปลี่ยนเป็นเลาจน์ส่วนตัว

พร้อมด้วยรับดูคอนเทนท์แบบสตรีมมิ่ง ควบคุมออกคำสั่งผ่านหน้าจอ BMW Touch Command บริเวณแผงประตูบานหลังทั้งสองข้างได้ เสริมด้วยระบบเสียง Bowers & Wilkins Diamond ที่มีลำโพงถึง 39 ตัว ให้กำลังขับรวมสูงสุด 1,925 วัตต์ เพื่อประสิทธิภาพเสียงระดับสตูดิโอ

ในด้านของการบำรุงรักษา BMW i7 ทุกคันมาพร้อมแพ็กเกจ BSI Standard สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ให้การรับประกันนานสูงสุด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง บริการบำรุงรักษาสูงสุด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง รวมทั้งการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูงรวมทั้งอุปกรณ์ร่วมนานสูงสุด 8 ปี หรือ 160,000 กิโล

โดยมีกำหนดเข้ารับการบำรุงรักษาทุก 24 เดือน ครอบคลุมรายการต่าง ๆ อย่างเช่น การตรวจเช็กรถยนต์, การเปลี่ยนไมโครฟิลเตอร์, เปลี่ยนน้ำมันเบรก, ชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูง (สูงสุด 75-80%), เปลี่ยนใบปัดน้ำฝน (ปีละหนึ่งครั้ง) รวมทั้งเปลี่ยนชุดเบรกหน้า-หลัง 1 ชุด (จานเบรกรวมทั้งผ้าเบรก) โดยลูกค้ายังสามารถอัปเกรดแพ็กเกจ BSI เพื่อเพิ่มระยะเวลาคุ้มครองได้

ราคาจำหน่าย BMW i7 xDrive60 M Sport ใหม่ (รวมแพ็กเกจ BSI Standard)

1.BMW i7 xDrive60 M Sport (First Edition) ราคา 7,599,000 บาท
2.BMW i7 xDrive60 M Sport ราคา 7,849,000 บาท
3.BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ราคา 8,599,000 บาท

คิม ยอนอา

อลังการระดับชาติ! บรรยากาศงานแต่ง “คิม ยอน-อา” ราชินีไอซ์สเก็ตแดนโสม

หลังจากประกาศข่าวสารให้แฟน ๆ ชื่นมื่นตั้งแต่ช่วงปลายกรกฎาคมก่อนหน้าที่ผ่านมา สำหรับ คิม ยอน-อา อดีตราชินีสเก็ตน้ำแข็งวัย 32 ปี กับ โก อู-ริม นักร้องหนุ่มรุ่นน้องสุดหล่อวัย 27 ปี จากวง Forestella ปัจจุบัน เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ผ่านมา คู่แต่งงานต่างแวดวงได้เข้าพิธีวิวาห์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศสุดตระการตา โดยมีสักขีพยานจำนวนจำกัด อันเช่น บรรดาญาติ ๆ ในครอบครัว และเพื่อนสนิทของเจ้าบ่าว-เจ้าสาวเพียงแค่นั้น

 

งานแต่ง คิม ยอน อา

 

งานนี้นอกจากการตกแต่งที่จัดเต็มราวอยู่ในเทพนิยาย

ความสวย หล่อของ คิม ยอน-อา และ โก อู-ริม แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ถูกพูดถึงเป็น ของชำร่วย โดยงานนี้ทั้งสองได้มอบชุดเครื่องสำอางจาก Dior ที่ฝ่ายเจ้าสาวเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ มอบให้กับแขกที่มาร่วมงานถือกลับไปคนละหนึ่งเซ็ตใหญ่นั่นเอง

สำหรับ คิม ยอน-อา นับว่าเป็นนักกีฬาสเก็ตน้ำแข็งหญิงที่บรรลุผลสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศเกาหลีใต้ ผลงานเด่นเป็นการคว้าแชมป์โลก 2 สมัย และคว้าเหรียญทองโอลิมปิกฤดูหนาว ที่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เมื่อปี 2010 เธอก็เลยเป็นความภูมิใจของชาวประเทศเกาหลี และได้รับการชื่นชมสูงมากในบ้านเกิด ถึงขนาดสื่อพากันตั้งชื่อให้เธอว่า ราชินีสเก็ตน้ำแข็ง

 

ราชินีไอซ์สเก็ตแดนโสม

 

ปัจจุบันนี้ คิม ยอน-อา ประกาศลาวงการสเก็ตน้ำแข็งไปแล้ว

หลังจากคว้าเหรียญเงินในโอลิมปิกฤดูหนาว ที่เมืองโซชิ ประเทศรัสเซีย เมื่อปี 2014 แต่ชื่อเสียงของเธอก็มิได้น้อยลงแม้แต่น้อย เพราะเหตุว่าเธอยังได้รับเลือกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์สินค้ามากมาย ยิ่งกว่านั้น เธอยังได้รับเกียรติให้เป็นผู้จุดคบเพลิง ในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาว ที่เมืองพยองชาง ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2018 ด้วย

 

อดีตราชินีสเก็ตน้ำแข็ง

โตโน่

‘โตโน่’ ไม่สนดราม่าขอทำเพื่อ ‘หมอ-พยาบาล’ วอนอย่าแบ่งสีให้สามัคคีกัน

“โตโน่” เมินกระแสดราม่า ประกาศขอทำเพื่อ “หมอ-พยาบาล” วอนอย่าแบ่งพรรคแบ่งสีขอให้สามัคคีกัน ถามไม่ดีหรืออย่างไรถ้าคนหันมาช่วยเหลือสังคม ยันไม่เคยคิดใช้ของฟรีปมอุโมงค์น้ำ แต่มหาวิทยาลัยใจดีช่วยส่งเสริมไม่คิดค่าใช้จ่าย

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม นายภาคิน คำวิลัยศักดิ์ หรือ โตโน่ นักแสดงมีชื่อ เปิดเปิดเผยถึงความคืบหน้า การจัดกิจกรรม ว่ายน้ำข้ามโขงเพื่อการกุศลส่งเสริมช่วยเหลือโรงพยาบาลขาดแคลน ประกอบด้วย โรงพยาบาลนครพนม และ โรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ในชื่อ OneMan And The River กำหนดระยะทางว่ายน้ำไปกลับประมาณ 15 กิโล ระหว่างตัวเมืองจังหวัดนครพนม กับแขวง คำม่วน สปป.ลาว ในวันที่ 22 ตุลาคมว่า

ล่าสุดวันนี้ได้ลงพื้นที่สำรวจสภาพน้ำนับว่าไม่มีความกังวล แต่ไม่มีแผนในการซ้อมว่ายสนามจริง เพราะว่ามั่นใจในสภาพร่างกาย พร้อมมาก อีกทั้งความฟิต และสภาพจิตใจ

โตโน่ ภาคิน

 

ส่วนปัญหากรณีดราม่า หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นหลากหลายมุมมอง

ตนขอน้อมรับทุกความคิดเห็น รวมถึงความเห็นต่าง ถ้าตนถูกดราม่า แล้วเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระให้กับหมอ พยาบาล ของโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้ ตนยินดี เพราะว่าหมอ พยาบาล ต้องทำงานทุกวันในการดูแลรักษาคนไข้ ตนเหนื่อยวันเดียว แต่ภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือสังคม อยากให้ทุกคนรักกัน สามัคคีกัน หันมาช่วยเหลือสังคม ทำความดีเพื่อสังคม อยากถามว่า ไม่ดีหรืออย่างไรที่คนพวกเรามาร่วมทำความดี มารักสามัคคีกัน ทำเพื่อประโยชน์

โตโน่ นักแสดงชื่อดัง

โตโน่ กล่าวว่า ต้องขอกราบขอบพระคุณมีหลายหน่วยงานให้การสนับสนุน

รวมถึงกรณีที่มีการทอดสอบร่างกายในอุโมงค์น้ำของมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง จนกลายเป็นกระแสดราม่า ว่าใช้ฟรี อีกทั้งที่ตนและทีมงานไม่เคยคิดจะใช้ของใครฟรี และไม่ใช้งบประมาณรัฐในการจัดกิจกรรม แต่ในเมื่อมีหน่วยงานต้องการสนับสนุนอนุเคราะห์ให้ใช้ทดสอบร่างกาย เพื่อความพร้อมในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนี้ตนไม่นำมาเป็นอุปสรรคปัญหา เพราะว่าถามคืนว่าถ้ากลัวดราม่า อาจไม่ต้องทำอะไร การทำความดีไม่ต้องกลัวดราม่า เพราะว่าอาจมีทุกวันอยู่แล้ว สำคัญที่สุดต้องทำให้ถึงเป้าหมาย ต้องช่วยเหลือโรงพยาบาลนครพนม รวมถึง โรงพยาบาลแขวงคำม่วน ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนขอแค่ได้ทำเพื่อประโยชน์แก่สังคม

“ฝากทำความเข้าใจว่ากิจกรรมที่ผมจัดขึ้น ต้องการทำเพื่อแพทย์ พยาบาล ที่ทำงานเหน็ดเหนื่อย อย่าเอาการเมือง หรือแบ่งพรรคแบ่งสีมาเกี่ยวข้อง ใครจะเชียร์ใครผมไม่สนใจ เพราะโรงพยาบาล ไม่เคยเลือกว่าจะต้องรักษาใคร มีหน้าที่รักษาทุกคน ทุกพรรค ทุกฝ่ายทุกสี อยากให้เห็นใจบุคลากรทางการแพทย์ มากกว่าการเอาสีเอาฝ่ายมาเป็นปัญหา อยากให้รักสามัคคีกัน เรามาช่วยกันคนละไม้คนละมือดีกว่า ไม่ว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ขอเพียงผมได้ทำ นั่นคือความตั้งใจของผม ขอทำให้ดีที่สุด” โตโน่ กล่าว

จิน BTS

ต้นสังกัดแจ้ง “จิน BTS” เตรียมเข้ากรมคนแรก ยืนยันกลับมารวมวง 2025

วันนี้ (17 เดือนตุลาคม65) ทางต้นสังกัดของวง BTS ได้ออกมาแจ้งถึงการเข้ากรมรับใช้ชาติของ “จิน” พี่ใหญ่ของวง

ต้นสังกัดรายงานสมาชิกของศิลปิน วง BTS จะเริ่มเกณฑ์ทหารเข้ากรมตามระเบียบกฎหมาย โดยจะเริ่มที่ “จิน” (JIN) อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกที่มีอายุเยอะที่สุด จะรับใช้ชาติเป็นคนแรกของวง
โดยก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ศิลปิน BTS ได้รับการผ่อนผันเกณฑ์ทหาร จากกฎหมายที่อนุญาตให้ศิลปินที่ผ่านการรับรองจากรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม กีฬาแล้วก็การท่องเที่ยว สามารถผ่อนผันการเกณฑ์ทหารได้

ตั้งแต่แมื่อเดบิวต์ในปี 2013 วง BTS ได้กลายเป็นที่นิยมทั่วโลกด้วยเพลงได้รับความนิยมที่สนุกสนานแล้วก็แคมเปญทางด้านสังคม

BTS

HYBE ต้นสังกัด กล่าวว่า

“จินจะยกเลิกการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2022 นี้ และจะปฏิบัติตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องของฝ่ายบริหารกำลังพลทหาร” ส่วนสมาชิกคนอื่นที่เหลืออีก 6 คน ทั้งหมดก็จะเข้ารับการเกณฑ์ทหารตามแผนของแต่ละคนเช่นกัน

ด้าน Bighit Music ซึ่งเป็นเจ้าของ HYBE แถลงว่า

“ทั้งบริษัทและสมาชิกวง BTS ต่างตั้งตารอที่จะกลับมารวมกลุ่มอีกครั้งในปี 2025 หลังจากที่พวกเขารับใช้ชาติเรียบร้อย” ตามกฎหมาย พลเรือนชายทุกคนในเกาหลีใต้ที่มีอายุระหว่าง 18-28 ปีต้องรับราชการทหารเป็นเวลาระหว่าง 18-21 เดือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสำหรับในการป้องกันเขตแดนจากเกาหลีเหนือที่ติดอาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม พลเรือนบางกลุ่มบางทีอาจได้รับการยกเว้นหรือเกณฑ์ทหารในช่วงเวลาที่สั้นกว่าปกติ เช่น ผู้ชนะเหรียญโอลิมปิกแล้วก็เอเชียนเกมส์ นักดนตรีแล้วก็นักเต้นที่ชนะรางวัลสูงสุดในการแข่งขันบางประเภท

วงBTS

ซึ่งเมื่อมิ.ย.ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ว่า วง BTS ประกาศว่าสมาชิกจะแยกกันทำโปรเจ็กต์เดี่ยว ส่งผลให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตของวง พวกเขาเพิ่งกลับมารวมตัวกันแสดงฟรีคอนเสิร์ตวันเสาร์ที่ 15 เดือนตุลาคม 2022 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาที่เมืองปูซาน ซึ่งคาดว่าจะเป็นงานกลุ่มครั้งสุดท้ายก่อนสมาชิกไปรับใช้ชาติ

เวลาที่แฟนคลับได้ติดแท็ก #ForeverWithBTS เพื่อส่งกำลังใจให้กับ BTS ไม่น้อยเลยทีเดียว

แอ๊ด คาราบาว

“แอ๊ด คาราบาว” ซัดผู้ว่าฯ สุพรรณฯ อย่างเดือด ไม่ให้เล่นคอนเสิร์ต จวกรู้ไหมกูเป็นใคร ไม่ใช่ข้าราชการเลียกะ…รักษาตำแหน่ง!

กำลังเป็นข้อความสำคัญในติ๊กต๊อกเลยทีเดียว

สำหรับกรณีที่มีผู้ใช้ติ๊กต๊อกนำคลิป “แอ๊ด คาราบาว” หรือ ยืนยง โอภากุล นักร้องเพื่อชีวิต ที่ซัดเดือดผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี ระบุว่าโดนสั่งไม่ให้คาราบาวเล่นการแสดงดนตรีที่เมืองสุพรรณฯ ลั่นมึงรู้ไหมกูเป็นใคร เรียกขึ้นมาเคลียร์กลางคอนเสิร์ต

“มึงเป็นผู้ว่าฯ มึงคิดว่ามีอำนาจเหรอ ขึ้นมาเคลียร์กันหน่อยดิ อยู่เปล่า ไม่ต้องเล่น (ให้วงหยุดเล่น) ขึ้นมาเคลียร์กันหน่อยดิ มึงรู้ไหมกูเป็นใคร กูเกิดที่นี่ กูตายที่นี่ แล้วมึงเป็นใคร ไม่ให้กูเล่นที่สุพรรณฯ คนกาญจน์ฯ ยังให้กูไปเล่นเลย ไอ้สัxว์ ส้นตีx คิดเหรอ มึงแค่เอาตัวรอด แล้วไม่คิดเหรอคนสุพรรณฯ จะเป็นยังไง เขาไม่ได้ดูคาราบาว (คนปรบมือ) มึงคิดว่ามึงเป็นผู้ว่าฯ มึงมีอำนาจเหรอ กูไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ แต่กูคือแอ๊ด คาราบาว กูไม่มีอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น แต่กูพูดความจริง นำเสนอความจริง กูทำเพื่อชาติบ้านเมืองจริงๆ ไม่ได้เป็นข้าราชการแบบพวกมึง ที่เลียกะโปxให้ได้ตำแหน่งและรักษาตำแหน่ง เลียกะโปxไปเรื่อยรักษาตำแหน่ง ไอ้สัxว์ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน กูเล่นไม่ได้แล้วเว้ย โมโห”

แอ๊ด คาราบาว ซัดผู้ว่าฯ สุพรรณฯ อย่างเดือด

ต่อมา ก็มีอีกรายโพสต์คลิปที่เจ้าตัวใจเย็นลงแล้ว พร้อมเปิดเผยว่า ไม่ได้โกรธเกลียดผู้ว่าฯ สุพรรณฯ เพียงแค่สอน อย่าลุแก่อำนาจ

“ไม่ได้โกรธเกลียดผู้ว่าฯ โกรธเกลียดใคร แค่สอนให้น้องๆ ว่าสิ่งอะไรทำผิดพลาดไปแล้วก็แก้ไขซะ บ้านเมืองมีขื่อมีแป เข้ามาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ อย่าใช้แต่อำนาจ อย่าลุแต่อำนาจ เกรงใจชาวบ้านบ้างที่เกิดเป็นประชาชน คนจังหวัดสุพรรณฯ มาก่อนมึง ไม่ใช่มึงเป็นผู้ว่าแล้วใหญ่ คxย กูเกิดมาก่อนมึง อาบน้ำร้อนเมืองสุพรรณฯ มาก่อน กูส่งปิ่นโตให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมัยก่อน จนพี่ชายกูเป็นผู้ว่าฯ จนน้องชายกูเป็นผู้ว่าฯ แล้วมึงไอ้เด็กเมื่อวานซืนมาเป็นผู้ว่าฯ แต่ไม่ให้กูเข้าเมืองสุพรรณฯ มึงคิดยังไงวะเนี่ย แต่หลังจากนี้ไป จะอำนวยอวยพรให้มันจงเจริญต่อไป จะไม่ยึดติดกับมึงอีกต่อไปแล้ว จะสละให้มัน ปล่อยมันไปเถอะ ผมปล่อยมันไปแล้วนะครับ ผมปลดปล่อยแล้ว มีความสุขแล้ว นิพพานแล้ว”.

งานนี้ยังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุที่แน่ชัดว่าศึกวิวาทะเกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่ แต่ก่อนหน้าที่จะมีข้อความสำคัญดังกล่าว ได้มีติ๊กต๊อกรายหนึ่งโพสต์คลิปที่แอ๊ด คาราบาวร้องเพลง “หลวงพ่อคูณ” แต่แปลงเพลงตัวเองท่อนนึงว่า “ชั่วดีอยู่ในกะโหลก มาเขกโป๊กๆ จำไว้ให้ดี เข้ามาพวกรัฐมนตรี นายกฯ ตู่ตัวดี กูจะให้พร ไปนั่งอยู่ในสภา ไปให้เขาด่าจงพึงสังวร แขวนพระเป็นอุทาหรณ์ ประชาชนเดือดร้อน เขาจึงเดินขบวน”

แอ๊ด คาราบาว ซัดผู้ว่าฯ สุพรรณฯ

 

 

ผูกขาดมือถือ

#หยุดผูกขาดมือถือ ติดเทรนด์ จับตา กสทช.ถกควบรวม “ทรู-ดีแทค”

#หยุดผูกขาดมือถือ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไทย

หลังมีรายงานว่า วันนี้ (12 เดือนตุลาคม65) หลักสำคัญการควบรวมธุรกิจทรูและก็ดีแทคจะถูกบรรจุในวาระประชุมของคณะกรรมการ กสทช.แล้ว แต่อาจยังลงมติไม่ได้ เพราะว่าต้องศึกษาตัวอย่างจากต่างประเทศเพิ่มเติม

วันนี้ (12 เดือนตุลาคม2565) แฮชแท็ก #หยุดผูกขาดมือถือ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไทย หลังมีรายงานว่า หลักสำคัญการควบรวมธุรกิจทรูและก็ดีแทคจะถูกบรรจุในวาระประชุมของคณะกรรมการ กสทช.ในวันนี้ โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กว่า 80,000 ทวีต โดยมีความกังวลเกี่ยวกับการควบรวมของทรูและก็ดีแทคที่อาจนำไปสู่การผูกขาดทางการตลาด เนื่องด้วยผู้ให้บริการที่เหลือเพียง 2 เจ้าใหญ่ อาจดีลขึ้นราคาค่าบริการ จากที่ผ่านมามีผู้ให้บริการ 3 เจ้าทำให้มีการแข่งขันกันทั้งเชิงคุณภาพและก็ราคา

ผูกขาดมือถือ1

สอดคล้องกับนายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)

ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Somkiet Tangkitvanich ระบุว่า ประชาชนควรจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะจากการวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์ชี้ชัดว่าการควบรวมก่อให้เกิดผลเสีย ราคาค่าบริการหลังควบรวมอาจสูงขึ้น ร้อยละ 2-23 ในกรณีที่ไม่มีการสมคบราคา หรือ ฮั้วกัน ระหว่างผู้ประกอบการ 2 รายที่เหลืออยู่ แต่หากมีการฮั้วราคา อัตราค่าบริการอาจสูงขึ้นถึง 1.2 เท่า – 2.4 เท่า และ GDP ของประเทศจะหดตัวลง ร้อยละ 0.5-0.6

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 11 เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้แทนบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น และก็ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ได้ร่วมกันยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ กสทช. โดย พล.อ.กิตติ เกตุศรี ผู้ปฏิบัติงานประจำประธาน กสทช.เป็นผู้มารับหนังสือ

ผู้แทนของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ต้องการให้ กสทช.พิจารณาการควบรวมอย่างรวดเร็ว เพราะว่าผ่านมา 9 เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีบทสรุปอย่างเป็นทางการ ซึ่งตามปกติต้องพิจารณาภายใน 90 วัน และก็ความล่าช้ามีผลกระทบต่อผู้บริโภคของทรูและก็ดีแทค เพราะว่าใช้บริการและก็โครงข่ายร่วมกันไม่ได้

ทั้งนี้ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. ประเมินว่า อาจเป็นการอนุญาตโดยมีเงื่อนไข ส่วนเข้มข้นหรือไม่จะต้องติดตามกันอีกรอบ พร้อมยกตัวอย่าง กรณีเงื่อนไขเข้มข้น จะให้ธุรกิจขายบางกิจการออกไป หากไม่เข้มข้น ก็ยังให้ธุรกิจถือทรัพย์สินทุกอย่างเหมือนเดิม แต่จะกำกับพฤติกรรม

ผูกขาดมือถือ2

น้ำท่วมอุบล

น้ำท่วมอุบลฯ ยังอ่วม ทะลักเข้าท่วมศูนย์การค้าใหญ่ ติดค้างนับ 100 คน ต้องรีบสูบน้ำ ญาติผวาแจ้งกู้ภัยเข้าช่วยเหลือ

น้ำหลากจังหวัดอุบลราชธานียังหนัก

โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้(9 ต.ค.2565) มูลนิธิร่วมกตัญญู รับแจ้งจากมูลนิธิสว่างบูชาธรรมสถาน จ.จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเข้าไปในพื้นที่ศูนย์การค้าวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ ถนนสถิตนิมานกาล เทศบาลเมืองวารินชำราบ ซึ่งมีน้ำท่วมถนนเส้นนี้ แล้วก็มีบุคลากรเกือบจะ 100 คน อยู่ดูแลทรัพย์สินในศูนย์การค้าดังกล่าว เกิดกระแสน้ำที่ไหลแรงกัดเซาะกระสอบทราย น้ำไหลทะลักเข้าไปภายในห้างค้าวัสดุรายใหญ่ที่สุดของจังหวัด จึงขอรับการสนับสนุนจากมูลนิธิร่วมกตัญญูให้มาช่วยเหลือ

ต่อมานายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ แล้วก็เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู

ซึ่งมีจุดปฏิบัติการอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุใน อำเภอวารินชำราบ จึงนำเรือท้องแบนจำนวน 3 ลำ แล่นฝ่ากระแสน้ำที่ไหลแรง เข้าช่วยบุคลากร แต่เมื่อไปถึงบริเวณหน้าตัวอาคารโชว์ผลิตภัณฑ์ ซึ่งตัวอาคารจะสูงกว่าถนนประมาณ 1 เมตร มีน้ำไหลเข้าท่วมข้างหน้าสูงประมาณ 70-80 เซนติเมตร ส่วนภายในที่ใช้แสดงผลิตภัณฑ์มีน้ำท่วมประมาณ 5-10 เซนติเมตร ก่อนที่จะได้รับแจ้งว่า ขณะนี้บุคลากรกำลังช่วยกันนำกระสอบทรายปิดจุดที่รั่ว แล้วก็จะใช้เครื่องสูบน้ำออกมาภายนอก จึงยังไม่ต้องการออกมาจากห้าง

น้ำท่วมอุบล1

ส่วนที่หน่วยกู้ภัยได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ เนื่องจากที่ผ่านมาบุคลากรในศูนย์การค้าแจ้งให้ญาติที่อยู่ตามบ้านรู้ดีว่า มีน้ำไหลเข้าท่วมศูนย์การค้า ทำให้ญาติเป็นห่วงแจ้งขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิกู้ภัยให้เข้าช่วยเหลือดังกล่าว เมื่อรู้ความต้องการของบุคลากร อาสามูลนิธิฯ ส่วนหนึ่งจึงถอนตัวออกมา เหลือเพียงชุดกู้ภัยของมูลนิธิสว่างบูชาธรรมสถาน ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่แล้วก็นำเรือมารอช่วยเหลืออยู่ 5 ลำ รอดูแลเมื่อได้รับการร้องขอจากพนักของห้างแห่งนี้ถัดไป

ทัพนักตบลูกยางสาวไทย

ก่อนแข่งมีแต้ม! อันดับ “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ศึกชิงแชมป์โลก 2022 รอบสอง

การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2022 รอบสอง (รอบ 16 ทีมสุดท้าย) ที่เนเธอร์แลนด์

รวมทั้ง โปแลนด์ จะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 4-8 เดือนตุลาคม นี้

โดย “ทัพนักวอลเล่ย์บอลลูกยางสาวไทย” สามารถคว้าตั๋วผ่านเข้ารอบสองได้สำเร็จ ภายหลังจบอันดับ 2 ของกลุ่มบี ถูกจับให้อยู่ในกลุ่มเอฟ ร่วมกับ ประเทศสหรัฐอเมริกา, เซอร์เบีย, เยอรมนี, แคนาดา นอกเหนือจากนี้ยังมี ตุรกี, โปแลนด์ รวมทั้ง สาธารณรัฐโดมินิกัน คู่แข่งขันที่เจอกันมาในรอบแรกอยู่ในกลุ่มด้วย

อย่างไรก็ตามจากกฎที่ทาง สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ได้ตั้งเอาไว้ว่า

ทีมที่เคยเจอกันในรอบแรก จะไม่ต้องแข่งกันอีก โดยให้ยึดผลงานที่เจอกันมาในรอบแรก ทำให้ ทีมสาวไทย จะได้เห็นผลงานติดตัวเข้ามาในรอบนี้คือชนะ 2 แพ้ 1 มี 4 คะแนน (ชนะ ตุรกี 3-2 เซต, ชนะ สาธารณรัฐโดมินิกัน 3-2 เซต รวมทั้งแพ้ โปแลนด์ 0-3 เซต)

เท่ากับว่า “ทัพนักวอลเล่ย์บอลลูกยางสาวไทย” มีคะแนนตุนมาจากรอบแรก รั้งอันดับ 4 ของตารางด้วย ผลงานชนะ 4 เกม รวมทั้งมี 10 คะแนน เรียกได้ว่าโอกาสลุ้นผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อกเอาต์ หรือรอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไปเช่นกัน

วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2022

สำหรับ “นักวอลเล่ย์บอลลูกยางสาวไทย” มีโปรแกรมจะลงเล่นในรอบสอง พบกับคู่แข่งขันทั้งหมด 4 ทีม ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา, เซอร์เบีย, เยอรมนี รวมทั้ง แคนาดา ในของการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2022 ในช่วงระหว่างวันที่ 4-8 เดือนตุลาคม นี้

พ่อเข้มงวดมาก

เผยข้อมูลเด็กลูกครึ่ง 10 ขวบเดินไปสนามบิน พ่อเข้มงวดมาก เจอหน้าถามเรื่องการบ้าน

ตำรวจเผย เด็กหญิงลูกครึ่งเดินเท้าไปสนามบิน ไม่พบถูกทำร้าย แต่พ่อเข้มงวด ถามลูกคำแรก ทำการบ้านหรือยัง?

เด็กก็นำการบ้านขึ้นมาทำในทันที จากกรณีผู้ใช้ Tiktok ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ขณะพบเจอเด็กหญิงชาวต่างชาติลูกครึ่งจีน-อเมริกัน อายุ 10 ปี เดินเท้าอยู่ริมถนน และก็พยายามสื่อสาร ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือ กระทั่งเด็กคนนี้ปลอดภัย ส่วนสาเหตุนั้น เด็กหญิงต้องการเดินทางจากที่พักย่านจอมเทียน ยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อบินไปหาคุณแม่ที่เมืองจีน เพราะว่าคิดถึงคุณแม่มาก

พ่อเข้มงวดมาก 1

ล่าสุดวันที่ 29 ก.ย.65 ภายหลังมีกระแสข่าวออกไปทั้งยังสื่อและโซเชียลช่องต่าง ๆ

มีผู้คนและชาวเน็ตตั้งขอสงสัยว่า เด็กหญิงอาจจะมีปัญหาที่เกิดจากทางบ้านหรือไม่ ทั้งยังเรื่องการทารุณกรรม หรือทำร้ายร่างกาย และอื่น ๆ ถึงขนาดจำต้องแอบหนีออกมาจากบ้านตามลำพัง

โดยนักข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.ท.พิชญะ เขียวเปลื้อง สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวพัทยา ว่า ทางตำรวจท่องเที่ยวนั้นไม่ได้เพิกเฉยในประเด็นนี้ ภายหลังจากส่งตัวเด็กหญิงรายนี้คืนให้กับพ่อชาวอเมริกัน ทางตำรวจท่องเที่ยวได้ติดตามไปยังที่พักของเด็กหญิง เป็นโรงแรมย่านจอมเทียน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่อง วันนี้ได้เข้าพบพ่อชาวอเมริกัน พบว่า ไม่ค่อยให้การตอบรับเจ้าหน้าที่สักเท่าไหร่ ส่วนเด็กหญิงนั้นไปโรงเรียนปกติ

โดยจากการไต่ถาม พนักงานโรงแรมหลาย ๆ คน เผยว่า พ่อลูกชาวต่างชาติรายนี้ ได้พักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ มากว่า 3 ปีแล้ว โดยเด็กหญิงลูกครึ่งได้เรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ส่วนพ่อชาวอเมริกันเป็นคนพูดน้อยและค่อนข้างเข้มงวดสำหรับกิจวัตรประจำวันในทุกวัน เด็กหญิงจะลงมากรอกน้ำดื่มเวลาประมาน ตี4-ตี5 และรับประทานอาหารเช้าพร้อมด้วยพ่อเวลาประมาน 6 โมงเช้า บางวันจะมีการขี่จักรยานและเดินออกกำลังกายบ้าง และเด็กหญิงจะลงมาทำการบ้านที่หน้าบริเวณโถงข้างล่างโรงแรมอยู่บ่อยครั้ง

ส่วนความประพฤติที่น่าสงสัยหรือเปลี่ยนไปจากปกติ อย่างการทำร้ายร่างกาย หรือทารุณกรรม ไม่เคยประสบพบเห็นแต่อย่างใด เป็นพ่อลูกชาวต่างชาติทั่วไป แต่เพียงพ่อค่อนข้างจะมีระเบียบและเข้มงวดเพียงเท่านั้น

ซึ่งข้อมูลนี้ ตรงกับที่เจ้าหน้าที่ท่องเที่ยวและกีฬาจ.ชลบุรีได้ประสบพบเห็นขณะดูแลเด็กหญิงชาวต่างชาติ เมื่อพ่อชาวต่างชาติได้มารับตัวที่สถานีตำรวจท่องเที่ยว ได้กล่าวคำแรกว่า ทำการบ้านรึยัง? แล้วเด็กหญิงได้ตอบรับโดยการนำการบ้านในกระเป๋าขึ้นมาทำอย่างตั้งใจ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความมีระเบียบและเข้มงวดของผู้เป็นพ่อ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจะคอยติดตามเยี่ยมเยียนพ่อลูกชาวต่างชาติ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไม่มีความผิดปกติต่อไป

เครื่องบินพลังงานไฟฟ้า

บ.สหรัฐฯ ทดสอบสมรรถนะเครื่องบินโดยสารพลังงานไฟฟ้าลำแรก

บริษัทเทคโนโลยีการบินรายย่อยของสหรัฐฯ ทดสอบเครื่องบินพลังงานไฟฟ้า “อลิซ” ที่บินได้สูง 3,500 ฟุต เป็นเวลานาน 8 นาที

ปูทางสู่การพัฒนาเครื่องบินโดยสารแล้วก็ขนส่งสินค้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่

วันที่ 27 เดือนกันยายน 2565 บริษัท “อาร์ลิงตัน” ผู้สร้างเครื่องบินรายย่อยสัญชาติอเมริกัน ที่มีฐานการสร้างอยู่ในรัฐวอชิงตัน ของสหรัฐฯ ได้กระทำการทดสอบสมรรถนะของเครื่องบินพลังงานไฟฟ้าลำแรก ที่มีชื่อว่า “อลิซ” (Alice) โดยการทดสอบครั้งนี้ เครื่องบินได้กระทำการขึ้นบินที่ระดับความสูง 3,500 ฟุต เป็นเวลานาน 8 นาที บริเวณท่าอากาศยานในเมืองโมเสสเลค รัฐวอชิงตัน

บริษัท อาร์ลิงตัน

โดยการทดสอบบินครั้งนี้ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของบริษัทอาร์ลิงตัน

ในการพัฒนาเครื่องบินขนส่งผู้โดยสารแล้วก็เครื่องบินขนส่งสินค้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2570 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า

นายเกรกอรี ดาวิส ซีอีโอของบริษัทอาร์ลิงตัน กล่าวว่า จุดหมายของทางบริษัทคือสามารถพัฒนาเครื่องบินชาร์จแบต 1 ครั้งเป็นเวลา 35 นาทีแล้วสามารถบินได้ไกลเป็นระยะทางราวๆ 250-400 กม. ระหว่างที่จุดหมายการสร้างแล้วก็ส่งมอบเครื่องบินพลังงานไฟฟ้าลำแรกในปี 2570 จะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ระหว่างที่ในอีก 3 ปีข้างหน้า ทางบริษัทจะผลิตเครื่องบินพลังงานไฟฟ้าออกมาอีก 2 รุ่น เพื่อส่งให้ทางสำนักงานการบินพลเรือนรับรอง